วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

อำนาจรัฐที่ใช้แบบถูกต้อง


ศาลยุติธรรมไม่ใช่คนยืนอยู่ตรงกลางระหว่างคนดีและคนชั่ว แต่ศาลเป็นคนที่ยืนอยู่ข้างคนดี ทำให้คนดีต้องมีที่ในสังคม และส่งคนชั่วเข้าคุกไป ระบบยุติธรรมก็ไม่ใช่ระบบที่เป็นกลาง แต่เป็นระบบที่ยืนข้างคนดีและสิ่งถูกต้อง

พระก็ไม่ใช่คนที่ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างคนดีกับคนชั่ว แต่พระยืนอยู่ข้างคนดีมีศิลธรรม และพยายามเปลี่ยนคนชั่วให้ชั่วน้อยลง

รัฐบาลก็เช่นกัน รัฐบาลที่ดีไม่ใช่ยืนอยู่ตรงกลาง แต่ยืนในในฝั่งที่อำนวยประโยชน์แก่ชาติและประชาชน ไม่ใช่เป็นกลางระหว่าคนดีและคนชั่ว รัฐบาลไม่มีสิทธิ์ที่ขยับตัวเองไปอยู่ตรงกลางให้โอกาสคนชั่วเท่ากับคนดี แต่ต้องริดรอนสิทธิ์ของคนชั่วให้ไม่มีโอกาสเท่าคนดี และต้องใช้อำนาจรัฐอยู่ข้างคนดี อำนวยความได้เปรียบทุกอย่างให้กับคนดี ทำทุกอย่างให้คนชั่วเสียเปรียบคนดีในสังคม...


https://scontent-sin1-1.xx.fbcdn.net/hphotos-xaf1/v/t1.0-9/s720x720/12190882_1111008882276055_3048259346048706614_n.jpg?oh=de9b1c271d4d5dbbb0d754a6cfef23cd&oe=56B0BE14 
 Pat Hemasuk

วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ศิลปะการให้คำแนะนำ


เรื่องนี้สำคัญมาก มีง่ายๆข้อเดียว “ไม่ขออย่าให้“ ถึงจะคิดว่าเราฉลาดกว่า รู้ดีกว่า ประสบการณ์มากกว่า หรือทำด้วยความเป็นห่วงหรือปราถนาดี
คำแนะนำที่ไม่ได้ร้องขอนั้นบ่อยครั้งจะสร้างความร้าวฉาน น่ารำคาญใจ หรือแม้กระทั่งถูกต่อต้าน ยิ่งถ้าคนที่ให้คำแนะนำนั้นโดนผู้ฟังวางตำแหน่งไว้ในจุดที่มีความรู้ตํ่า กว่า หรือถูกประเมินว่า ช่างไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ยกตัวอย่างเช่น คนที่ทั้งชีวิตไม่เคยทำขนมปังเลยมาแนะนำช่างทำขนมปังว่าทำยังไงให้อร่อย (ตัวคนแนะนำก็ทำไม่เป็น)
หรือคนที่สุขภาพห่วยแตกโดยเฉลี่ย ดื่มเหล้าสูบบุหรี่ ไม่ออกกำลัง พุงโต มาแนะนำคนที่โดยเฉลี่ยสุขภาพดีกว่าที่กำลังป่วย(คนสุขภาพดีกว่าก็ป่วย ได้)ว่าต้องดูแลสุขภาพยังไง แบบนี้น่ารำคาญ คือตัวผู้พูดถูกผู้ฟังจัดไว้ในตำแหน่งตํ่ากว่า คำแนะนำนั้นจึงเป็นเพียงเสียงรบกวน
ในหลายกรณีที่เดียวที่ผู้ให้คำแนะนำนั้นสำคัญผิด คิดว่าอายุมากกว่าจะต้องฉลาดกว่า ซึ่งเรื่องนี้ไม่จริง เราพบหลักฐานได้ทั่วไป ใครที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับลูกให้ลองพิจารณาตัวเองว่าเราเป็นพวกชอบแนะนำ รึเปล่า? คำแนะนำอาจเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ เช่น กินนี่สิ อ่านนี่สิ ทำยังงี้สิ อย่าทำยังงั้นสิ ถ้าจู่ๆคุณรู้สึกว่าถูกต่อต้านขึ้นมาก็นั่นหละใช่เลย! คุณไปดูถูกสติปัญญาเขาก่อน! การให้คำแนะนำนั้นส่งผลเหมือนกับบอกกลายๆว่าคุณคิดว่าผู้ฟังนั้นคิดเองไม่ เป็น ทำอะไรไม่ได้ หรือโง่นั่นเอง เมื่อให้คำแนะนำที่ไม่ได้ร้องขอออกไป การต่อต้านก็เป็นผลลัพท์ที่ตามมา มันสมเหตุสมผลมาก!
มันไม่สำคัญเลยว่าคำแนะนำนั้นจะแฝงไปด้วยความปรารถนาดีเพียงใด หากคุณทำสิ่งที่ขัดกับ“ไม่ขออย่าให้“ผลลัพท์ย่อมจบไม่สวย


ลงทุน หุ้น การเงิน Tactschool ส่งต่อความรู้ทางการเงิน

 

เผ่าพันธ์ไร้สติ








































วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2558

"เมื่อผมไปสมัครงานเป็นนักวิเคราะห์"



นี่คือบท สัมภาษณ์
ผู้จัดการหลักทรัพย์ – ทำงานด้านนี้มาก่อนหรือเปล่า
จขกท – เปล่าครับ

ผู้จัดการหลักทรัพย์ – ตอนนี้ทำไรอยู่ครับ
จขกท – ขายน้ำแข็งไส ครับ

ผู้จัดการหลักทรัพย์ – อ้าวแล้วก่อนหน้านั้นละครับ
จขกท – ขาย กล้วยแขก ครับ

ผู้จัดการหลักทรัพย์ – ไม่มีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน จะทำได้หรือครับ
จขกท – คิดว่าได้นะครับ หากผมได้งานนี้ ผมจะพยายามครับ

ผู้จัดการหลักทรัพย์ – แล้วทำไม ถึงอยากได้ งานนักวิเคราะห์ครับ
จขกท – ผมคิดว่าเป็นงานที่ ท้าทายมาก ๆ ต้องพิจารณา วิเคราะห์ แนะนำ ให้นักลงทุนได้มีกำไรจากการซื้อ ขายหลักทรัพย์ ครับ

ผู้จัดการหลักทรัพย์ – งั้นผมขอทดสอบความรู้คุณหน่อยนะครับ ว่า เหตุการณ์แบบนี้ คุณจะวิเคราะห์อย่างไร
จขกท – ได้ครับ

ผู้จัดการหลักทรัพย์ – ถ้าหุ้นขึ้น
จขกท – นลท คลายความวิตกกังวล

ผู้จัดการหลักทรัพย์ – ถ้าหุ้นลง
จขกท – นลท. กลับมา วิตกกังวล อีกครั้ง

ผู้จัดการหลักทรัพย์ – ถ้าดาวโจนส์ ขึ้น เซ็ทขึ้น
จขกท – หุ้นขึ้นตาม ดาวโจนส์

ผู้จัดการหลักทรัพย์ – ดาวโจนส์ ขึ้น เซ็ท ลง
จขกท – ฝรั่งขายหุ้นไทยไปซื้อ ดาวโจนส์

ผู้จัดการหลักทรัพย์ – ดาวโจนส์ ลง เซ็ท ลง
จขกท – หุ้นไทย ลงตามดาวโจนส์

ผู้จัดการหลักทรัพย์ – ถ้าคุณวิเคราะห์หุ้น ZZZ ว่า ดี หุ้นจะขึ้น แต่หุ้นกลับลง
จขกท – เพราะว่าแรงขายมากกว่า แรงซื้อ

ผู้จัดการหลักทรัพย์ – ถ้าให้หุ้นคุณไปวิเคราะห์ หนึ่งตัว ราคาปัจจุบัน 10 บาท คุณสามารถวิเคราะห์ราคาพื้นฐาน หุ้นนั้นได้ไหม
จขกท – ได้ครับ ผมจะให้ราคา ไว้ ไกลลิบ ๆ ราคาเป้าหมาย สัก 30 บาท แต่จะไม่ระบุ วันไหน ปีไหน แต่ถ้าลูกค้าถาม
ผมจะบอกไปว่า อีกสัก สอง สามปี ก็ถึงราคาเป้าหมาย  เมื่อถึงตอนนั้น ผมคงจะลาออกไปแล้ว
หรือถ้ายังไม่ลาออก ก็จะบอกว่า หุ้นพื้นฐานเปลี่ยน

ผู้จัดการหลักทรัพย์ – ลูกค้าคุณติดหุ้น ไม่มีเงินซื้อหุ้น คุณจะทำยังไง
จขกท – จะบอกลูกค้าว่า หุ้นจะลงให้ ล้างพอร์ต จะเกิด panic sell

ผู้จัดการหลักทรัพย์ – แล้วลูกค้าคุณล้างพอร์ต เสร็จแล้ว พรุ่งนี้ คุณจะแนะนำลูกค้า คุณยังไง
จขกท – ผมก็จะบอกว่า คุณลูกค้าครับ ซื้อให้เต็ม พอร์ตเลยครับ หุ้นจะขึ้นแล้ว เพราะ นักลงทุน คลายความวิตกกังวล


สรุป ผมได้งานเป็น ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์



จากกระทู้  http://pantip.com/topic/30880267

วันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ความยากจนในจิตใจ คือ ความยากจนอันแท้จริง



https://scontent-kul1-1.xx.fbcdn.net/hphotos-xpt1/v/l/t1.0-9/s720x720/11707528_841391259249346_6792357192921063333_n.jpg?oh=b2ed6ab3a9e9534f1fa213eb927b387e&oe=560F4BC1


ชายผู้ยากจนถามพระพุทธเจ้าว่า "เหตุใดข้าพระองค์จึงยากจนยิ่งนัก ?"
พระพุทธองค์ตรัสตอบ "เธอไม่รู้จักการให้และวิธีให้"
ดังนั้นชายผู้ยากจนจึงพูดต่อว่า "ทั้งๆ ที่ข้าพระองค์ไม่มีสิ่งใดให้นี่นะ ?"
พระพุทธองค์ตรัสว่า "เธอนั้นมีอยู่ไม่น้อยเลย"

ใบหน้า : ซึ่งสามารถให้รอยยิ้ม, ความสดใส, ความสดชื่น, และความเบิกบาน
ปาก : เธอสามารถชื่นชม, ให้กำลังใจ หรือปลอบประโลม
หัวใจ : มันสามารถเปิดอกกับผู้อื่น, ให้ความจริงใจ, ใสบริสุทธิ์, และให้ความเมตตา
ดวงตา : ที่สามารถมองดูผู้อื่นด้วย สายตาแห่งความหวังดี ด้วยความโอบอ้อมอารี
ร่างกาย : ซึ่งสามารถใช้เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น
ฉะนั้น แท้จริงแล้วเธอมิได้ยากจนเลย "ความยากจนในจิตใจ คือ ความยากจนอันแท้จริง"


Credit : Panadda Puchoksiri


วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ต้องไม่รับเหตุผลรองรับการทำชั่ว


http://v.youku.com/v_show/id_XODQ2NTY0Nzg0.html?from=s1.8-1-1.2


      “ฉันเป็นนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ทุกคนของฉันเคยพูดว่า “กฎหมายบัญญัติไว้ว่าอย่างนี้ แต่ในทางปฏิบัติในชีวิตความเป็นจริง...” ชีวิตความเป็นจริง เป็นโลกที่น่าพิศวง ในชีวิตความเป็นจริง คนซื่อๆ ที่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัด มักใช้ชีวิตเงียบๆ ไม่มีชื่อเสียงเรียงนาม ส่วนคนที่มากเล่ห์เพทุบาย สุดท้ายกลับมีทั้งชื่อเสียง มีลาภสมบัติ
    เพราะฉะนั้น เด็กไร้เดียงสาอย่างฉัน จึงมักมีรุ่นพี่ที่มากประสบการณ์มาตบไหล่ฉันเบาๆ ด้วยความเอ็นดู และบอกฉันว่า “เด็กน้อย รอจนเธอเข้าใจโลกเสียก่อน”
            สิ่งที่ฉันอยากถามก็คือ คนหนุ่มสาวอย่างฉัน สามารถทำอะไรให้กับโลกได้บ้าง
       วันหนึ่งข้างหน้า ผู้ว่าการแบงก์ชาติ จะเป็นคนที่เกิดหลังปี 1990 นักธุรกิจชั้นนำ จะเป็นคนที่เกิดหลังปี 1990 แม้กระทั่ง ประธานาธิบดี ก็จะเป็นคนที่เกิดหลังปี 1990 ในวันที่สังคมเป็นที่ยืนของคนที่เกิดหลังปี 1990 ฉันอยากถามเพื่อนร่วมรุ่นทุกคนว่า พวกเราอยากให้สังคมเป็นเช่นไร ฉันรู้ดีว่า ไม่ใช่ทุกคนสามารถก้าวขึ้นมาฝ่าฟันพายุและคลื่นลม จนเป็นผู้กำหนดชะตากรรมของประเทศชาติ ฉันและคุณ ล้วนเป็นคนเล็กๆธรรมดาๆ ภายในกลไกเครื่องจักรสังคมอันมหึมา พวกเราเป็นเพียงหมุดตะปูตัวเล็กๆ
        สมัยเรียนหนังสือ พ่อแม่พูดทุกวันว่า ให้ตั้งใจเรียนเป็นอันดับแรก อย่าเพิ่งสนใจอย่างอื่น พอถึงวันจบการศึกษา พวกเราก็เที่ยวเอาจดหมายสมัครงานหว่านไปทั่ว ด้วยความหวังว่าจะมีบริษัทรับเข้าทำงาน ผ่านไปไม่กี่ปี ก็ถูกกดดันให้แต่งงาน ซื้อบ้าน แล้วก็ใช้เวลาอีกประมาณ 20 ปีแรกของชีวิตการทำงาน ช่วงที่มีกำลังเต็มที่ หาเงินมาใช้หนี้
           จนทำให้คนหนุ่มสาวยุ่งกับการใช้ชีวิต จนไม่เหลือความฝัน ไม่มีเวลาสนใจการเมือง ไม่มีเวลาสนใจสิ่งแวดล้อม ไม่มีเวลาสนใจชะตากรรมบ้านเมือง แล้วจะยังเหลือกำลังวังชา ทำอะไรให้แก่สังคมส่วนรวมได้อีก
           แต่ภายหลังฉันพบว่า มีอยู่อย่างหนึ่งที่ฉันและคุณทำได้ สิ่งนั้นคือ คนรุ่นเรา ไม่ว่าจะเดินไปในเส้นทางใด ขออย่าได้ทำชั่ว ขอแค่ อย่าเปลี่ยนเป็นผู้ใหญ่แบบที่เราเคยรังเกียจในสมัยเด็ก ถ้าต่อไปเราเป็นคนขายของแผงลอย ก็อย่าเอาน้ำมันทิ้งแล้วมาทอดของขาย ถ้าขายผลไม้ ก็อย่าโกงน้ำหนักตาชั่ง ถ้าเปิดโรงงาน เป็นเจ้านายคน ก็อย่ากดค่าแรงลดคุณภาพวัตถุดิบ ผลิตของด้อยคุณภาพ
           คนธรรมดาหนึ่งคน ในตำแหน่งหน้าที่การงานที่แสนธรรมดา ถ้าทำหน้าที่ของตนให้ดีได้ ย่อมเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามาก เพราะเราทุกคน ตั้งแต่วันที่เราเกิดมา ก็มีผลเปลี่ยนแปลงโลกฉันเป็นนักศึกษากฎหมาย ถ้าในภายภาคหน้า ฉันสามารถเป็นผู้พิพากษาที่มีความยุติธรรม สังคมเราก็จะมีผู้พิพากษาที่ดีเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน ย่อมเป็นสังคมที่ดีขึ้นอย่างน้อยก็นิดหนึ่ง
   ฉันหวังว่าทุกคนจะตระหนักว่า แม้จะมีเหตุผลอันน่าเห็นใจแสนอย่าง รองรับการทำชั่ว ตัวเราก็ต้องรักษามาตรฐานศีลธรรมของเราไว้ ด้วยเหตุผลเดียวนั่นคือ เราไม่ใช่สัตว์ป่าผู้หิวโหย แต่เป็นมนุษย์ผู้รู้ผิดชอบชั่วดี เพื่อร่วมรุ่นหนุ่มสาวของฉัน พวกเราสามารถเป็นคนหนุ่มสาวที่มีคุณภาพ ตลอดชีวิตเกลียดชังความชั่ว ไม่ปล่อยตัวตามกระแสแห่งคลื่นลม ไม่รับใช้ผู้มีอำนาจอย่างหลับหูหลับตา ไม่ลืมหลักการ ไม่ลืมความเป็นมนุษย์
           ฉันฝากถึงเพื่อนร่วมรุ่นที่รักทุกคน ถ้าในอนาคต มีคนพูดกับคุณว่า เธออย่าสะเออะมาเป็นนักศีลธรรม รู้จักปรับตัวเข้าสังคมบ้าง เมื่อเวลานั้น เธอก็ควรจะมีความกล้าหาญที่จะตอบว่า ก็ฉันไม่เหมือนคุณนี่ ฉันไม่ได้มาเปลี่ยนตัวเองเพื่อเข้าสังคม ฉันมามีส่วนเปลี่ยนแปลงสังคม”


ที่มา:อาจารย์อาร์ม ตั้งนิรันดร์ คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ



วันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2558

ความแตกต่างด้าน “จิตสำนึกสาธารณะ” ระหว่างชาวญี่ปุ่นกับคนไทย



บทเรียนความเกรียน! สอน “จิตสำนึกสาธารณะ” ของชาวญี่ปุ่น



 ...ความเป็นญี่ปุ่นสามารถจำกัดความได้ด้วยตัวอักษร คันจิตัวเดียว คือ 和 หรือ “วะ” ซึ่งหมายถึง ความกลมกลืน เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นเกาะ คนญี่ปุ่นจึงต้องอยู่กันอย่างแออัดในพื้นที่จำกัด และเป็นเหตุให้การ “อยู่ร่วมกัน” เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นจะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยึดมั่นในพฤติกรรมที่เป็นแบบแผนเดียว กัน พฤติกรรมที่แตกต่างออกไปจะไม่ถูกมองว่า “แนว” “เท่ห์” หรือสะท้อนความเป็นตัวตน แต่จะถูกมองว่าเป็น “เรื่องประหลาด” และชาวญี่ปุ่นจะฟันธงได้ทันทีว่าผู้ที่ประพฤตินอกแบบแผนนั้นคือ “คนนอก” 外人หรือ “ไกจิน” ซึ่งไม่ได้มีความหมายเพียงแค่ “ชาวต่างชาติ” แต่ยังมีนัยยะถึงการไม่ได้รับการยอมรับให้เป็นส่วนหนึ่งของสังคมญี่ปุ่น

...ชาวญี่ปุ่นเคร่งครัดในวินัยมากกว่าเพราะถูกจำกัด ด้วยภูมิประเทศที่ถูกล้อมรอบด้วยทะเล หากอยู่ร่วมกันไม่ได้ก็หมดทางหนีรอด แตกต่างจากเมืองไทยที่ "ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว" คนไทยอยู่กันอย่างสุขสบายมาแต่ไหนแต่ไร ไม่เคยต้องแก่งแย่งทรัพยากรหรืออยู่อย่างแร้นแค้น จนกลายเป็นนิสัย “ทำได้ตามใจคือไทยแท้”

 ...ภาษา ญี่ปุ่น คำว่า “เรียนรู้” 勉強 ใช้อักษรคันจิที่มีความหมายดั้งเดิมตามภาษาจีนว่า “บังคับ” ซึ่งชาวญี่ปุ่นได้อธิบายนัยยะของคำว่าเรียนรู้ว่า ผู้ที่บังคับตนเองทั้งด้านพฤติกรรมและจิตใจได้เท่านั้น จึงเป็นผู้รู้ที่แท้จริง.



วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2558

ก็เพราะรู้ไง ถึงมีวันนี้





ใช้ไอแพดดูหุ้นใน เคเอฟซี มีขอทานเข้ามาขอเงิน
ก็เลยให้ปีกไก่มันไปอัน แล้วก็ดูหุ้นต่อ

ขอทานแทะปีกไก่แล้วไม่ยอมไป แถมกระซิบว่า
“เส้นเฉลี่ยระยะยาวตัดกันขึ้น ค่า KD
สร้างฐานไม่ไปไหน MACD สร้างฐานขัดแย้ง
ปริมาณเริ่มเพิ่มขึ้น ๆ หุ้นตัวนี้กำลังจะพุ้งแล้ว"
ผมตกใจมากถามมันว่า
“แกก็รู้เรื่องเทคนิคหุ้นด้วย ?”
ขอทาน “ก็เพราะรู้ไง ถึงมีวันนี้”



 

วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2558

คำถาม?ถึงเทวดา,พญานาค,พระภูมิเจ้าที่,สัตว์เดรัจฉาน,เปรต,สัตว์ในนรก,มนุษย์




คำถามเดียวกัน แต่ต่างคำตอบ ต่างภพภูมิ ต่างวาระ ต่างบารมี ต่างความคิด
ต่างการกระทำ ต่างจุดมุ่งหมาย

"ถ้าได้เกิดเป็นมนุษย์อยากจะทำอะไร"
เทวดา ตอบว่า
"เราจะพิจารณาธรรม เพราะมนุษย์มีกายสังขาร ที่เหมาะกับการพิจารณาธรรมมาก ร่างกายของมนุษย์เป็นเครื่องมือที่ใช้พิจารณาธรรมได้ดีที่สุด น่าอิจฉาพวกมนุษย์จริงๆ"

พญานาค ตอบว่า
"บวชสิ ถ้าได้เกิดเป็นมนุษย์ เราจะบวช ... เป็นพญานาคมีฤทธิ์มากก็จริง แต่บวชไม่ได้ พ้นทุกข์ไม่ได้ ไม่เหมือนมนุษย์ พระพุทธเจ้าไม่อนุญาตให้นาคบวช แต่มนุษย์บวชได้ มนุษย์สร้างบุญใหญ่ไปสวรรค์ชั้นสูง ไปแดนนิพพานได้ แสนประเสริฐ"

พระภูมิเจ้าที่ ตอบว่า
"ถ้าได้เกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง คราวนี้เราจะไปทำบุญใส่บาตรทุกวัน ไม่ต้องมานั่งรอคนอุทิศส่วนกุศลมาให้เราอีก ไปทำเองเลย เพิ่มบารมีได้เร็วทันใจดี"

สัตว์เดรฉาน ตอบว่า
"ถ้าได้เกิดเป็นมนุษย์ เราจะสงเคราะห์สัตว์ตัวอื่นๆ เป็นสัตว์นั้นทุกข์มาก พูดก็ไม่ได้ คิดอะไรฉลาดๆก็ไม่ได้
เป็นมนุษย์มีสมองมีปัญญา เราจะใช้ปัญญาของมนุษย์ทำให้ตัวเองไม่ต้องมาเป็นสัตว์อีก"

เปรต ตอบว่า
"เราไม่อยากมีหน้าตาน่าเกลียด ไม่อยากมีปากเท่ารูเข็ม มีรูปร่างสูงเหมือนต้นตาล
ถ้าได้เกิดเป็นมนุษย์ เราจะถือศีล จะได้ไม่ต้องมาเป็นเปรตผู้หิวโหย อดๆ อยากๆ ทนทุกข์ทรมานแบบนี้"

สัตว์นรกในอเวจี ตอบว่า
"ถ้าได้เกิดเป็นมนุษย์ เราจะทำความดี จะไม่ผิดศีล5อีก จะปฏิบัติธรรม เพราะนรกมันร้อนมันโหดร้าย อยู่แล้วมีแต่ความเจ็บปวด ทุรนทุราย ถ้าข้ามีโอกาสอีกครั้ง เราจะไม่ทำเลว เราไม่อยากทรมาน ไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นสัตว์นรกอีก"

แต่เมื่อถามคำถามเดียวกัน
มนุษย์ตอบว่า "อยากสมหวังรัก,อยากรวย,อยากมีตำแหน่งสูง,อยากมีอำนาจ แม้ต้องผิดศีล ทำร้ายใครก้อจะทำ"

อนิจจาใครหนอ..น่าสงสารที่สุด!
มนุษย์ผู้ที่อยากแต่ทรัพย์สมบัติภายนอกที่ยึดถือได้ชั่วคราว ทั้งที่มีโอกาสจะทำบุญกุศลมากกว่าเพื่อน ทำให้มีอริยทรัพย์คือทรัพย์อันประเสริฐเป็นของติดตัวไปทุกภพภูมิ อยู่ภายในใจ มี ๗ สิ่งคือ ศรัทธา ศีล หิริ โอตตัปปะ พาหุสัจจะ จาคะ ปัญญา
***************************
รู้หรือยังว่าเกิดเป็นคนประเสริฐแท้ เพราะว่าสามารถไปถึงความดีงามอันสูงสุดได้


https://th-th.facebook.com/ThanongFanclub/photos/a.287299738133074.1073741836.141826422680407/330156813847366/?type=1 

10 เรื่อง “รู้งี้” ก่อนจบปริญญา!!





http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9580000029705