ชีวิตนี้เป็นของน้อยนัก หากแต่ก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของเรา ดังนั้นเราจงเร่งทำชีวิตนี้ให้มีคุณค่ามากที่สุดเท่าที่จะมากได้ก่อนที่เราจะหมดโอกาส
วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2555
วันอังคารที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2555
ปรัชญาชีวิต การแต่งงาน ท่านคาลิล ยิบราน
แล้ว อัลมิตรา ก็ถามต่อไปว่า
การแต่งงาน เล่าพระคุณท่าน
และท่านตอบว่า
เธอเกิดมาด้วยกัน
และเธอก็จะอยู่ด้วยกันตลอดไป
เธอจะอยู่ด้วยกันแม้เมื่อปีกขาวของความตาย
ปัดกวาดวันคืนของเธอให้กระจัดกระจายไป
ถูกแล้วเธอจะอยู่ด้วยกัน
แม้ในความทรงจำอันสงัดของพระเป็นเจ้า
แต่ขอให้มีช่องว่างในการอยู่ด้วยกันของเธอ
และขอให้กระแสลมแห่งสวรรค์โบกโบยไปมาระหว่างเธอ
จงรักกันและกัน แต่อย่าสร้างพันธะแห่งรัก
และขอให้ความรักนั้น เป็นเสมือนห้วงสมุทร
อันเคลื่อนไหวอยู่ระหว่างฝั่งแห่งวิญญาณของเธอทั้งสอง
จงเติมถ้วยของกันและกัน แต่อย่าดื่มจากถ้วยเดียวกัน
จงให้ขนมปังแก่กัน แต่อย่ากัดกินจากก้อนเดียวกัน
จงร้องและเริงรำด้วยกัน และจงมีความบันเทิง
แต่ขอให้แต่ละคนได้มีโอกาสอยู่โดดเดี่ยว
ดังเช่นสายพิณนั้น ต่างอยู่โดดเดี่ยว
แต่ว่าสั่นสะเทือนด้วยทำนองดนตรีเดียวกัน
จงมอบดวงใจ แต่มิใช่ต่ออีกฝ่ายหนึ่ง
เพราะหัตถ์แห่งชีวิตอมตะเท่านั้นที่จะรับดวงใจของเธอไว้ได้
และจงยืนอยู่ด้วยกัน แต่อย่าใกล้กันนัก
เพราะว่าเสาของวิหารนั้นก็ยืนอยู่ห่างกัน
และต้นโพธิ์ ต้นไทรก็ไม่อาจเติบโตใต้ร่มเงาของกันได้
ที่มา:http://olddreamz.com/bookshelf/prophet/prophet.html
วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2555
ปลอดปม W.Vajiramedhi&กระจกส่องใจ&ผลบุญ
กระจกส่องใจ
กระจก...ไม่เลือกที่จะสะท้อนภาพทุกชนิด ฉันใด
จิตใจ.....จงเอาเยี่ยงอย่างกระจก
กระจก...รับรู้แต่ไม่ยึดถือครอบครอง
ดังนั้น....จึงไม่มีภาพใดๆหลงเหลือติดอยู่ในกระจก
สายฝน...ในกระจก หาได้เปียกในกระจกไม่
เปลวไฟ...ในกระจก ก็หาได้เผาลนกระจกเช่นกัน
ทั้งนี้.......เพราะในกระจกไม่ได้ให้อำนาจแก่สายฝนและเปลวไฟ
ดังนั้น......จงทำจิตใจของท่านให้เป็นดุจการรับรู้ของกระจก เพราะถ้าหากจิตของท่านหลงยึดถือ หรือตกเป็นทาสของกิเลสเมื่อใด ความทุกข์ ความเศร้าหมองใจย่อมตามมาเมื่อนั้น
จิตใจ.....จงเอาเยี่ยงอย่างกระจก
กระจก...รับรู้แต่ไม่ยึดถือครอบครอง
ดังนั้น....จึงไม่มีภาพใดๆหลงเหลือติดอยู่ในกระจก
สายฝน...ในกระจก หาได้เปียกในกระจกไม่
เปลวไฟ...ในกระจก ก็หาได้เผาลนกระจกเช่นกัน
ทั้งนี้.......เพราะในกระจกไม่ได้ให้อำนาจแก่สายฝนและเปลวไฟ
ดังนั้น......จงทำจิตใจของท่านให้เป็นดุจการรับรู้ของกระจก เพราะถ้าหากจิตของท่านหลงยึดถือ หรือตกเป็นทาสของกิเลสเมื่อใด ความทุกข์ ความเศร้าหมองใจย่อมตามมาเมื่อนั้น
นี่คือมรรควิธีแห่งการเพ่งพิจารณาและรับรู้สรรพสิงด้วยใจที่สงบบริสุทธิ์ ว่างเปล่าจากการปรุงแต่ง เพื่อปลดปล่อยจิตใจให้ว่างเปล่าหลุดพ้นไปจากภาพมายาธรรมต่าง ๆ ที่คอยฉุดรั้ง หลอกลวงจิตไม่ให้เห็นถึงความจริง ซึ่งจะต้องพยายามทำจิตใจให้หลุดพ้นจากการยึดติดในสิ่งทั้งปวงเปรียบเสมือน กระจก ฯ
ด้วยความปรารถนาดีจาก
คุณะทัสสี ภิกขุ
ผลบุญ
อันกระจก นั้นไว้ส่อง มองดูหน้า
ลักขณา ว่าเฉิดโฉม หรือน่าขัน
ส่องแล้วสวย ส่องแล้วหล่อ จึงยึดกัน
แข่งประขัน ปรุงแต่งกาย งมงายใจ
ใช้กระจก ส่องแต่กาย เสียดายยิ่ง
ประโยชน์จริง ต้องส่องใจ ให้สุกใส
ส่องความดี บุญและบาป ก้นบึ่งใจ
เห็นแล้วไซ้ร ปรับปรุงตน คือคนดี
หากส่องใจ ส่องไปเถิด ประเสริฐค่า
เกิดปัญญา พ้นยึดรูปและแสงสี
แม้ตัวดำ แต่ใจบุญ คือเทพี
เพราะความดี นั้นสูงค่า กว่ารูปกาย
ลักขณา ว่าเฉิดโฉม หรือน่าขัน
ส่องแล้วสวย ส่องแล้วหล่อ จึงยึดกัน
แข่งประขัน ปรุงแต่งกาย งมงายใจ
ใช้กระจก ส่องแต่กาย เสียดายยิ่ง
ประโยชน์จริง ต้องส่องใจ ให้สุกใส
ส่องความดี บุญและบาป ก้นบึ่งใจ
เห็นแล้วไซ้ร ปรับปรุงตน คือคนดี
หากส่องใจ ส่องไปเถิด ประเสริฐค่า
เกิดปัญญา พ้นยึดรูปและแสงสี
แม้ตัวดำ แต่ใจบุญ คือเทพี
เพราะความดี นั้นสูงค่า กว่ารูปกาย
9 ตค .40
ด้วยความปรารถนาดีจาก
พอล เลอมัง
ด้วยความปรารถนาดีจาก
พอล เลอมัง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)