วันอังคารที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ปรัชญาชีวิต การแต่งงาน ท่านคาลิล ยิบราน




แล้ว อัลมิตรา ก็ถามต่อไปว่า
                การแต่งงาน
เล่าพระคุณท่าน

              และท่านตอบว่า

 

              เธอเกิดมาด้วยกัน
              และเธอก็จะอยู่ด้วยกันตลอดไป
              เธอจะอยู่ด้วยกันแม้เมื่อปีกขาวของความตาย
              ปัดกวาดวันคืนของเธอให้กระจัดกระจายไป
              ถูกแล้วเธอจะอยู่ด้วยกัน
              แม้ในความทรงจำอันสงัดของพระเป็นเจ้า
              แต่ขอให้มีช่องว่างในการอยู่ด้วยกันของเธอ
              และขอให้กระแสลมแห่งสวรรค์โบกโบยไปมาระหว่างเธอ

              จงรักกันและกัน แต่อย่าสร้างพันธะแห่งรัก
            และขอให้ความรักนั้น เป็นเสมือนห้วงสมุทร
           อันเคลื่อนไหวอยู่ระหว่างฝั่งแห่งวิญญาณของเธอทั้งสอง
           จงเติมถ้วยของกันและกัน แต่อย่าดื่มจากถ้วยเดียวกัน
           จงให้ขนมปังแก่กัน แต่อย่ากัดกินจากก้อนเดียวกัน
           จงร้องและเริงรำด้วยกัน และจงมีความบันเทิง
           แต่ขอให้แต่ละคนได้มีโอกาสอยู่โดดเดี่ยว
           ดังเช่นสายพิณนั้น ต่างอยู่โดดเดี่ยว
           แต่ว่าสั่นสะเทือนด้วยทำนองดนตรีเดียวกัน

 
           จงมอบดวงใจ แต่มิใช่ต่ออีกฝ่ายหนึ่ง
          เพราะหัตถ์แห่งชีวิตอมตะเท่านั้นที่จะรับดวงใจของเธอไว้ได้
          และจงยืนอยู่ด้วยกัน แต่อย่าใกล้กันนัก
          เพราะว่าเสาของวิหารนั้นก็ยืนอยู่ห่างกัน
          และต้นโพธิ์ ต้นไทรก็ไม่อาจเติบโตใต้ร่มเงาของกันได้ 


ที่มา:http://olddreamz.com/bookshelf/prophet/prophet.html

วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2555

มงคลชีวิต



หลวงพ่อชา สุภัทโท







































ปลอดปม W.Vajiramedhi&กระจกส่องใจ&ผลบุญ













                       
                                                กระจกส่องใจ


   กระจก...ไม่เลือกที่จะสะท้อนภาพทุกชนิด ฉันใด
   จิตใจ.....จงเอาเยี่ยงอย่างกระจก
   กระจก...รับรู้แต่ไม่ยึดถือครอบครอง
   ดังนั้น....จึงไม่มีภาพใดๆหลงเหลือติดอยู่ในกระจก
   สายฝน...ในกระจก หาได้เปียกในกระจกไม่
   เปลวไฟ...ในกระจก ก็หาได้เผาลนกระจกเช่นกัน
   ทั้งนี้.......เพราะในกระจกไม่ได้ให้อำนาจแก่สายฝนและเปลวไฟ
   ดังนั้น......จงทำจิตใจของท่านให้เป็นดุจการรับรู้ของกระจก   เพราะถ้าหากจิตของท่านหลงยึดถือ หรือตกเป็นทาสของกิเลสเมื่อใด ความทุกข์ ความเศร้าหมองใจย่อมตามมาเมื่อนั้น 

           นี่คือมรรควิธีแห่งการเพ่งพิจารณาและรับรู้สรรพสิงด้วยใจที่สงบบริสุทธิ์ ว่างเปล่าจากการปรุงแต่ง เพื่อปลดปล่อยจิตใจให้ว่างเปล่าหลุดพ้นไปจากภาพมายาธรรมต่าง ๆ ที่คอยฉุดรั้ง หลอกลวงจิตไม่ให้เห็นถึงความจริง ซึ่งจะต้องพยายามทำจิตใจให้หลุดพ้นจากการยึดติดในสิ่งทั้งปวงเปรียบเสมือน กระจก ฯ


ด้วยความปรารถนาดีจาก
คุณะทัสสี  ภิกขุ

                                ผลบุญ

                อันกระจก นั้นไว้ส่อง มองดูหน้า
               ลักขณา ว่าเฉิดโฉม หรือน่าขัน
               ส่องแล้วสวย ส่องแล้วหล่อ จึงยึดกัน
               แข่งประขัน ปรุงแต่งกาย งมงายใจ


               ใช้กระจก ส่องแต่กาย เสียดายยิ่ง

               ประโยชน์จริง ต้องส่องใจ ให้สุกใส
               ส่องความดี บุญและบาป ก้นบึ่งใจ
               เห็นแล้วไซ้ร ปรับปรุงตน คือคนดี


               หากส่องใจ ส่องไปเถิด ประเสริฐค่า

               เกิดปัญญา พ้นยึดรูปและแสงสี
               แม้ตัวดำ แต่ใจบุญ คือเทพี
               เพราะความดี นั้นสูงค่า กว่ารูปกาย


 9 ตค .40       
 ด้วยความปรารถนาดีจาก
พอล เลอมัง



วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เปิบข้าว - จิตร ภูมิศักดิ์










                      เปิบข้าวทุกคราวคำ               จงสูจำเป็นอาจิณ

                      เหงื่อ กู ที่ สู กิน                    จึงก่อเกิดมาเป็นคน

                      ข้าวนี้นะมีรส                         ให้ชนชิมทุกชั้นชน

                      เบื้องหลังสิทุกข์ทน               และขมขื่นจนเขียวคาว

                     จากแรงมาเป็นรวง                 ระยะทางนั้นเหยียดยาว

                     จากรวงเป็นเม็ดพราว             ล้วนทุกข์ยากลำเค็ญเข็ญ

                     เหงื่อหยดสักกี่หยาด              ทุกหยดหยาดล้วนยากเย็น

                     ปูดโปนกี่เส้นเอ็น                    จึงแปรรวงมาเป็นกิน

                     น้ำเหงื่อที่เรื่อแดง                   และน้ำแรงอันหลั่งริน

                     สายเลือด กู ทั้งสิ้น                 ที่สูซดกำซาบฟัน 

 จิตร ภูมิศักดิ์


วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2555

วาทะดังตฤณ & W.Vajiramedhi TIME









                               Our Time is Limited.”
                                                              Our time is not so long

                                       You should manage it well
                                         Don’t kill time by words
              Don’t act stupidly in doing anything, it will make you feel bad.
                                Time is short like the dew on a leaf
                                        Short as the wind blows
                                     Short as lightening in the sky
                            Short as a fire blows and then blows out
                                             Life is a little thing
                                     Like water in the dry season
                                  Even if the greatness of the day
                                 Someday all will come to an end
                                  Time is as precious as jewelry
                           Don’t waste time listening to silly stories
                                   What is the essence of time
                         Challenge yourself to do the best you can
                          The Mona Lisa are the eyes of Da Vinci
                 David’s sculpture the masterpiece of Michelangelo
                             Although Sunthorn Poo* is gallant
            He prolonged his life with the story of Phra Aphaya Manee.
                                     Before your time is up
                         What statue will you create of your life
                           Of the valued treasures of our age
                             What is everlasting in our world?



V.Vajiramedhi
August 13, 2011